!!!ดาวใต้นิวส์ออนไลน์!!! นายกเทศบาลเมืองประจวบฯยันเจ้าหน้าที่ปฏิเสธนำรถหลวงยกเสาไฟต้นละ 8 หมื่นแอบขายเชียงกง

 นายกเทศบาลเมืองประจวบฯยันเจ้าหน้าที่ปฏิเสธนำรถหลวงยกเสาไฟต้นละ 8 หมื่นแอบขายเชียงกง 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเจ้าหน้าที่เทศบาลแห่งหนึ่ง นำรถกระเช้าสีส้มบรรทุกซากเสาไฟเหล็กเคลือบไปจำหน่ายที่“ แก้วสุวรรณรีไซเคิล” ถนนสุขสมบูรณ์ ในเขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม ที่ผ่านมา จากนั้นไปขอเสาไฟกลับคืนพร้อมคืนเงินให้เจ้าของเชียงกง 1000  บาท ขณะที่หน่วยงานภาครัฐเร่งตรวจสอบ เพื่อหาเจ้าของงบจัดซื้อ โดยจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้เกี่ยวข้องที่นำเสาไฟไปจำหน่ายในร้านรับซื้อของเก่า เนื่องจากที่ผ่านมา เสาไฟมีราคารวมค่าติดตั้งต้นละ 8 หมื่นบาทถึง 1 แสนบาท มีมากกว่า 300 ต้น ติดตั้งที่สันเขื่อนริมอ่าวประจวบฯ ตั้งแต่หน้ารั้วกองบิน 5 ถึงค่ายลูกเสือม่องล่าย ระยะทาง 8 กิโลเมตร ในเขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ 







วันที่ 14 กรกฎาคม  นายอดิศักดิ์  น้อยสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์  กล่าวว่า   ได้เร่งรัดให้นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์สอบสวนหาข้อเท็จจริงและรายงานจังหวัดทราบโดยด่วน ภายในวันที่ 14 กรกฎาคม 2566  เพื่อดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์กับผู้เกี่ยวข้อง   รวมทั้งชี้แจงรายละเอียดในการใช้รถยนต์ของทางราชการตามที่สื่อมวลชนนำเสนอข้อมูลจาการนำเสาไฟไปจำหน่ายให้ร้านขายของเก่าและไปขอเสาไฟกลับคืนตามวันเวลาที่มีการนำเสนอข้อมูล   โดยผู้บริหารต้องเร่งรัดแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้จบโดยเร็ว เนื่องจากประชาชนให้ความสนใจ

นายกมล  แก้วเทศ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า  กรณีที่มีเสาไฟสับปะรดล้มหน้าโรงแรมซีไซด์ ชุมชนหัวบ้าน ใกล้กองบิน 5  เมื่อวันที่ 3 กรกฏาคม  2566  เจ้าหน้าที่แจ้งว่านำรถออกไปซ่อมเสาไฟ  แต่ไม่ได้รายงานว่ามีเสาไฟหักโค่น   และเหลังจากจังหวัดสั่งให้สอบข้อเท็จจริง ได้สั่งการให้นิติกรไปสอบถามเจ้าของร้านรับซื้อของเก่า ได้รับแจ้งว่าจดจำบุคคลที่นำเสาไฟไปขายและรถยนต์ที่นำเสาไฟไปขายไม่ได้  สำหรับกล้องจรปิดร้านของเก่าบอกว่าชำรุด ต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสอบสวน และจากการสอบถามเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคนปฏิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งเบื้องต้นจะรายงานให้จังหวัดรับทราบ  ส่วนเสาไฟสับปะรดที่ไปกองทิ้งอยู่ที่บ่อบำบัดน้ำเสียมีลักษณะเดียวกันกับเสาไฟที่ร้านรับซื้อของเก่า  ก็ไม่มีใครรับทราบ

นายกมล กล่าวว่า  สำหรับกรณีที่ไม่มีหน่วยงานใดรับผิดชอบเสาไฟสับปะรด ขอเรียนว่าเทศบาลยังไม่เอกสารหลักฐานในการรับมอบ ขณะที่บางหน่วยยืนยันเอกสารว่ามีเอกสารที่อดีตนายกเทศมนตรีไปลงนามรับมอบเมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าไม่มีในระบบงานสารบรรณ  ไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากสภาฯก็ต้องชี้แจงตามข้อเท็จจริง ส่วนการซ่อมเสาไฟสับปะรดที่ชำรุดก็ถือเป็นหน้าที่  เพื่อไม่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน ทั้งนี้เสาไฟที่ชำรุดโยธาจังหวัดบอกว่าไม่ใช่เจ้าของ  จึงนำไปเก็บไว้ที่บ่อบำบัด บางส่วนนำไปมอบให้สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬา

จ่าอากาศเอกเสกสรรค์ จันทร แกนนำเครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภค จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า หลังจากตรวจสอบพบว่ามีเสาไฟสับปะรด 3 ต้น มีการนำไปกองไว้ริมบ่อบำบัดน้ำเสียด้านทิศใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ของเทศบาล มี 1 ต้นลักษณะคล้ายกับที่พบในร้านรับซื้อของเก่า สำหรับ 2 ต้นที่กองอยู่บริเวณใกล้กันมีสภาพเก่าและมีวัชพืชปกคลุม ต่อมาได้เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเพื่อใช้เป็นเอกสารหลักฐานในการยื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ล่าสุดพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อหาเจ้าของหน่วยงานเจ้าของเสาไฟสับปะรด ซึ่งจะต้องพิสูจน์จากทะเบียนคุมพัสดุ   แต่ทราบว่าเทศบาล โยธาจังหวัด สำนักงานจังหวัด ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด  ไม่มีหน่วยงานใดมีหลักฐานในกรณีดังกล่าว 

จ่าอากาศเอกเสกสรรค์   กล่าวว่า  สำหรับเสาไฟที่บ่อบำบัดน้ำเสียเทศบาลเมืองประจวบฯต้องหาข้อมูลว่ามีบุคคลใดนำไปกองทิ้งไว้  ส่วนเจ้าของร้านรับซื้อของเก่าจะนำหลักฐานจาการเสนอข่าวของสื่อมวลชนไปแจ้งพนักงานสอบสวนเพิ่ม ให้ดำเนินการหาข้อเท็จจริงว่ามีพฤติกรรมรับซื้อของโจรหรือไม่  เนื่องจากเจ้าของร้านรับซื้อยอมรับว่ามีรถของทางราชการนำมาขาย มีการนำเสนอข่าวว่ารับเงินคืน 1000  บาท จากผู้ขาย  จากนั้นใช้รถของทางราชการนำเสาไฟเก็บที่บ่อบำบัดน้ำเสีย กรณีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถไล่ตรวจจากกล้องวงจรปิดในเส้นทางตั้งแต่ช่วงสายวันที่ 3 กรกฎาคม และช่วงเช้าวันที่ 8 กรกฎาคม   

/////////

พิสิษฐ์รื่นเกษมข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์โทร 098-568-1744

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

!!!ดาวใต้นิวส์ออนไลน์!!! ว่าที่ส.ส.หัวร้อนจะตบคู่แข่งกลางงานเปิดปิดกีฬา โดยมีรองนายก อบจ.ผสมโรง

!!!ดาวใต้นิวส์ออนไลน์!!! ชุมพร-เตรียมพร้อมเริ่มนับคะแนนใหม่14.00น.

!!!ดาวใต้นิวส์ออนไลน์!!! ศรชล.ภาค 3 เปิดปฏิบัติการปกป้องน่านน้ำ สกัดภัยคุกคามทะเลชายแดน จังหวัดสตูล